กิน..มะรุม..โรคไม่รุมเร้า

กิน..มะรุม..โรคไม่รุมเร้า

ฝักมะรุม มะรุม

มะรุม” ผักพื้นบ้านของไทยที่รู้จักกันมานาน มีการวิจัยและทดลองคุณสมบัติในการรักษาโรคของมะรุมกันอย่างกว้างขวาง และพบว่า “มะรุม” นั้นมีประโยชน์เอนกประสงค์ ทั้งทางด้านอาหารและยา

มะรุม” มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศแถบเอเชียใต้ เป็นไม้ยืนต้นที่โตเร็ว ทนแล้ง ปลูกง่ายในเขตร้อน เจริญได้ดีในดินทุกชนิด ต้องการน้ำและความชื้นในปริมาณปานกลาง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและการปักชำกิ่ง ใบมีรสหวานมัน ออกดอกในฤดูหนาวเป็นส่วนใหญ่ ดอกเป็นดอกช่อ สีขาว กลีบเรียง มี 5 กลีบ ผลเป็นฝักยาว เปลือกสีเขียว มีขนาดประมาณ 20-50 ซม. มีรสหวาน

ดอกมะรุม

มะรุม” สามารถทานได้ทั้งยอดมะรุมตรงที่เป็นใบอ่อน ช่อดอก หรือฝักอ่อน โดยนำมาต้มหรือลวกให้สุกจิ้มกับน้ำพริกได้หลากหลายชนิด หรือจะใช้ยอดอ่อนและฝักมะรุมมาทำแกงส้ม ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน ใบมะรุมมีคุณค่าทางอาหารสูงมากทั้งวิตามินเอ ซี ธาตุเหล็กและแคลเซียม ใบมะรุม 100 กรัม มีโปรตีนสูงกว่านมถึง 2 เท่า มีวิตามินเอ 3 เท่าของแครอท มีวิตามินซีสูง 7 เท่าของส้ม มีแคลเซียม 3 เท่าของนม และแร่ธาตุโพแทสเซียม 3 เท่าของกล้วย มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก และใบสดยังมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ อีกด้วย และพบว่าใบมะรุมช่วยขับคอเลสเตอรอลออกมากับอุจจาระเพิ่มขึ้น จึงเชื่อได้ว่าการกินมะรุมมีผลลดไขมันในร่างกาย

ดอกมะรุมสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและป้องกันมะเร็ง ฝักก็ให้พลังงานสูงทั้งยังมีเส้นใย และคุณค่าทางอาหารอื่นๆ ส่วนเมล็ดก็สามารถนำไปคั้นเป็นน้ำมันมาประกอบอาหารได้ นอกจากนั้นยังเป็นอาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด รักษาโรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งป้องกันโรคมะเร็ง ฝักมะรุมที่นิยมนำมาประกอบอาหารนั้นมีฤทธิ์แก้ไข้หรือลดไข้ได้ และยังมีกากใยสูง ช่วยในเรื่องการขับถ่ายได้ดี นับได้ว่ามะรุมเป็นผักพื้นบ้านที่มีประโยชน์ทุกส่วน